การวิจัยการศึกษา คือ กระบวนการเสาะแสวงหาความรู้ที่นำไปใช้ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
วิจัยในชั้นเรียน
เป็นการวิจัยที่ครูทำเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของผู้เรียนบางคน บางกลุ่ม หรือทั้งหมด ซึ่งผลการวิจัยสามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงการเรียน การสอน และพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีกระบวนการวางแผน ปฏิบัติตามแผน สังเกตผลที่เกิดขึ้น และการสะท้อนความคิด
ลำดับขั้นตอนการทำวิจัย
กำหนดปัญหา > ตั้งสมมุติฐาน > รวบรวมข้อมูล > วิเคราะห์ข้อมูล > สรุปผล
การวิจัยในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียน มิใช่ เพื่อขอผลงานของผู้ทำวิจัย
ส่วนประกอบของรายงานการวิจัย
บทที่ 1 บทนำ
-ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาวิจัย
-วัตถุประสงค์การวิจัย
-ขอบเขตการวิจัย
-ประโยน์ที่คาดว่าจะได้รับ
-ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาวิจัย
-วัตถุประสงค์การวิจัย
-ขอบเขตการวิจัย
-ประโยน์ที่คาดว่าจะได้รับ
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
-แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
-กรอบแนวคิดในการวิจัย
-แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
-กรอบแนวคิดในการวิจัย
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
-รูปแบบการวิจัย
-ขั้นตอนการดำเนินการ
-เครื่องมือวิจัย
-การเก็บรวบรวมข้อมูล
-วิธีวิเคราห์ข้อมูล
-รูปแบบการวิจัย
-ขั้นตอนการดำเนินการ
-เครื่องมือวิจัย
-การเก็บรวบรวมข้อมูล
-วิธีวิเคราห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วยสถิติภาคพรรณนาและสถิติภาคอนุมาน เลือกใช้สถิติใด เมื่อไร ขึ้นอยู่กับการบรรยายสรุปข้อมูลที่ได้มา จำนวน ตัวแปร ตัวแปรนั้น ๆ ให้ใช้ประเภทใด และแหล่งข้อมูล มาจากประชากรหรือกลุ่มตัวอย่าง เช่น ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยโดยใช้ Z-test หรือ t-test
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
- สรุปผลการวิจัย
- อภิปรายผลการวิจัย
- ข้อเสนอแนะ
- สรุปผลการวิจัย
- อภิปรายผลการวิจัย
- ข้อเสนอแนะ
Reliability ความเชื่อมั่น เป็นค่าความคงที่ของผลการวัดที่มีความสม่ำเสมอคงที่และแน่นอนจากเครื่องมือเดียวกันไม่ว่าจะทำการวัดกี่ครั้งจะให้ผลการวัดเท่าเดิม หรือใกล้เคียงกับของเดิมนั่นคือ เครื่องมือมีความเชื่อมั่นสูง
Validity (ความเที่ยงตรง) เป็นการวัด ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และพฤติกรรมที่ต้องการให้วัด วัดได้ครอบคลุมครบถ้วนตามเนื้อหาที่ต้องการวัดและวัดได้ถูกต้องตรงความเป็นจริง
Discrimination ค่าอำนาจจำแนก เป็นคุณสมบัติที่บ่งบอกถึงความสามารถของข้อสอบที่จำแนกเด็กเก่ง – อ่อน ข้อสอบข้อใดมีอำนาจจำแนกสูง (0.4-0.99) ก็เป็นข้อสอบที่ดี หมายถึง ข้อสอบข้อนี้คนทำถูกจะเป็นพวกกลุ่มเก่ง ถ้าใครทำผิดจะเป็นพวกกลุ่มอ่อน
Difficulty ระดับความยากง่าย ( p ) หมายถึง สัดส่วนของจำนวนผู้ที่ตอบข้อสอบได้ถูกต้องต่อจำนวนผู้ที่ตอบข้อสอบทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น p = 0.95 แสดงว่า มีผู้ตอบถูกจำนวนมาก จึงถือว่าเป็นข้อสอบที่ง่าย แต่ในทางกลับกัน ถ้าข้อสอบมีผู้ตอบถูกน้อย เช่น p = 0.15 แสดงว่า เป็นข้อสอบที่ยาก
ความเป็นปรนัย (Objectivity)
-คำถามมีความชัดเจน ชี้เฉพาะ อ่านแล้วเข้าใจตรงกัน
-การตรวจให้คะแนนมีความแน่นอน ตรงกันไม่ว่าใครจะตรวจก็ตาม
-แปลความได้ชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น